จักรยานสีส้มแล่นฉิวไปตามถนนหมู่บ้าน จากผู้โดยสารคนเดียวตอนนี้มีเพิ่มมาเป็นสอง ฟินน์นั่งห้อยขาอยู่บนเบาะซ้อน ปล่อยให้คนโตกว่าเป็นคนออกแรงปั่น
หลังกินบะหมี่เสร็จ แฮร์รี่ก็พาเขาเถลไถลไปร้านน้ำแข็งไสต่อ ตอนแรกเขาปฏิเสธเพราะไม่อยากกลับบ้านดึก แต่แล้ว ด้วยพลังของเฉาก๊วยและวุ้นมะพร้าวบวกกับมนต์วิเศษของนมข้นหวานกับน้ำแดง ฟินน์กลับพบตัวเองนั่งอยู่ในร้านตอนสองทุ่ม ชี้นิ้วสั่ง 'รวมมิตร นมข้นเยอะ ๆ' อย่างตั้งใจ
แผนการกลับบ้านหัวค่ำโดนพับเก็บไปโดยปริยาย กว่าจะออกจากร้านเข็มนาฬิกาก็เดินไปถึงเลขเก้าเป็นที่เรียบร้อย
และใช่ แฮร์รี่อาสาไปส่งเขาที่บ้าน
ฟินน์เกือบจะคิดแล้วว่ามันเป็นแผน แต่ดูแล้วแฮร์รี่ไม่น่าคิดได้
มั้ง
รถจักรยานเลี้ยวเข้ามาในซอยตลาด ผ่านร้านรวงและตึกแถวที่ปิดสนิท
ได้ยินเสียงคนข้างหน้าฮัมเพลงเบา ๆ
"แอบรักเธออยู่ในใจ เก็บหัวใจไว้ให้เธอ"
เสียงเพลงลอยอยู่กับลม บรรยากาศตอนนี้เหมือนหนังรักของฮิวจ์แกรนท์
"เธอเหมือนฉันหรือเปล่า รักคราวแรกแปลกหนักหนา"
ล้อจักรยานไต่ขึ้นตัวหนอน ตัวรถเด้งแรงซะจนคนซ้อนเผลอรัดเอวคนปั่น
นานพอสมควรกว่าสติสตังจะกลับมาครบ และนานขึ้นไปอีกนิดกว่าฟินน์จะรู้ตัวว่ากำลังกอดแฮร์รี่อยู่ เด็กหนุ่มรีบปล่อยมือออก กระแอมไอเบา ๆ แก้เขิน
"ขอโทษ เมื่อกี้ตกใจ"
ฟินน์แก้ตัวเสียงอ้อมแอ้ม ไม่รู้เลยว่าไอ้ความ 'ตกใจ' นั่นทำอีกคนหัวใจกระเด็นกระดอนไปถึงไหนต่อไหน แฮร์รี่ตอนนี้นั่งหน้าแดงแปร๊ดอยู่บนเบาะ มือกำแฮนด์จักรยานแน่น ในหูได้ยินแต่เสียงตุบตับ ๆ ของชีพจรที่เต้นเร็วเกินเอเวอเรจฮาร์ทเรทไปโข
"ม..ไม่เป็นไร" ความเงียบเกือบจะได้ทำงานของมันแล้ว แต่ปากเจ้ากรรมดันรั่วอะไรที่แอบคิดเล่น ๆ ในหัวพ่วงไปด้วย "กอดอีกก็ได้"
ไม่หวังผลอะไรจริง ๆ นะ แฮร์รี่สาบานว่านั่นแค่หลุดปาก!
แต่ไม่รู้ว่าฟินน์โดนป้ายยามาจากไหน
แขนเล็กเอื้อมไปกอดเอวอีกคนไว้หลวม ๆ รู้สึกได้ว่าเจ้าของเอวแอบกลั้นหายใจจนพุงยุบ
ไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังลวนลามแฮร์รี่หรือโดนแฮร์รี่ลวนลามอยู่กันแน่..
คนปั่นเงียบเสียจนคนกอดแอบใจเสีย ฟินน์ตั้งท่าจะคลายแขนออก แต่แฮร์รี่กลับปล่อยมือข้างหนึ่งจากแฮนด์ เปลี่ยนเอามาจับมือของเขาให้อยู่ที่เดิม
"เกาะไว้"
เด็กหนุ่มเม้มปากแน่น หน้าร้อนชนิดที่ลมกลางคืนก็ช่วยอะไรไม่ได้
ช่วงเวลาตอนนี้มีรสหวานอมเปรี้ยวเหมือนลูกอมฮาร์ทบีท
คนสองคนแอบอมยิ้มกับตัวเองในความมืด ใจตรงกันอย่างไม่เจตนาว่าอยากให้ทางกลับบ้านยาวกว่านี้อีกสักหน่อย
บ้าชะมัด
เลิกใจง่ายเดี๋ยวนี้! พระบนคอเสื่อมหมดแล้วมั้งเนี่ย!
...
"สรุปว่าไปกินบะหมี่ต้องมนต์มาเหรอ"
ทอมเปรย มองคนที่กึ่งเดินกึ่งลอยมาตลอดทั้งวัน
วันนี้วันอาทิตย์ เด็ก ๆ สามคนมารวมตัวกันที่เคเอฟซีโลตัสดันเคิร์กเพื่อเลี้ยงฉลองให้กับการรอดชีวิตจากกลางภาค พวกตัวป่วนเลือกที่นั่งมุมร้านเป็นป้อมปราการย่อม ๆ ล้อมกรอบด้วยแก้วน้ำอัดลม สามหัวจุ้มกันอยู่เหนือถังไก่ชุดอิ่มสุขใจ
"..ไม่รู้สิ" ฟินน์ตอบ เท้าคางมองไก่กรอบในจาน "ไม่รู้เลย"
"เป็นอะไรไหนบอกหมอซิ" แบร์รี่หยุดมือที่กำลังคลุกข้าวยำไก่ซี้ด ถามด้วยน้ำเสียงหยอก "เล่ามา ตอนนั้นรู้สึกอะไรยังไง"
"ใส่ใจเก่งงง"
"เงียบจ้า อิกระเพาะตอร์ปิโด"
"หัวใจเรามันเต้นแรงมากจนเหมือนมันจะหยุดเต้นไปเลย" ฟินน์ไม่สนใจเพื่อนสองคนที่เริ่มประลองยุทธ์ด้วยเฟรนช์ฟรายส์ เด็กหนุ่มเล่า รู้สึกเหมือนในอกมีแต่นุ่นลอยไปมา "แถมรู้สึกเหมือนหายใจไม่พอตลอดเวลา"
"วิ้ง ๆ เบลอ ๆ นึกถึงเขาทีไรก็ต้องเม้มปากไม่ให้ยิ้ม?"
"อือ" คนผมดำยกมือขึ้นปิดหน้า เขินขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ "แต่มันแค่สองอาทิตย์เองนะ เราจะชอบพี่เขาไม่ได้"
ทอมกับแบร์รี่มองหน้ากัน
"คือเราไม่กล้าฟันธงอ่ะว่าแกชอบพี่เขา แกอาจจะแค่หวั่นไหวเพราะไม่เคยโดนจีบมาก่อน" ทอมว่า ขมวดคิ้วครุ่นคิด "ต้องแน่ใจนะว่าชอบเขาจากความรู้สึกจริง ๆ"
"แต่แค่รู้สึกดีก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ" แบร์รี่แย้ง"จะหวั่นไหวหรืออะไร ถ้าชอบก็ไม่เห็นจะต้องคิดอะไรมากเลยนี่นา"
"..."
"พี่เขามาจีบ มาทำดีด้วย มันก็ไม่เห็นแปลกนี่ที่จะรู้สึกดี" เด็กหนุ่มร่าย "แล้วก็ไม่แปลกด้วยที่จะชอบ"
น่องไก่ถูกชี้กราดไปที่หน้าของคนฟัง แบร์รี่ว่าต่อ
"ถ้าผลลัพธ์สุดท้ายได้เท่ากับชอบ ไม่ว่าจะเริ่มชอบด้วยวิธีไหน ยังไงมันก็มีคุณค่าเท่าเทียมกันไม่ใช่หรือไง" คนพูดยักไหล่ "ไม่เห็นต้องแบ่งชนชั้นเลย"
"คำคมวิงก์แซ่บก็มาว่ะ" ทอมล้อ ดูแปลกใจกับความโพเอทิคของเพื่อนสนิท "อย่างไรก็ตาม เรามีข้อเสนอ ถ้าฟินน์อยากรู้ว่าตัวเองชอบพี่เขามั้ย"
"ข้อเสนอว่า"
"ชวนพี่เขาไปงานวัดอาทิตย์หน้าดิ"
"ฮะ? ชวนทำไม"
"งานนั้นเรากับพี่แจ็คก็ไป เดี๋ยวช่วยสังเกตไงว่าสรุปอะไรยังไง"
แบร์หรี่ตา เตะขาอีกคนใต้โต๊ะ
ทอมมองแบบรู้กัน
"แต่เราชวนไม่เป็น"
"ชวนหน้าตายไปเลย ทำให้เป็นธรรมชาติ" คนผมทองเชียร์ "ทีนำสวดมนต์ยังกล้าเลย"
"ก็พี่เขาไม่ใช่พระพุทธรูปนี่!"
เพื่อนสองคนอมยิ้ม นั่งมองคนที่นั่งหน้าแดงเถือกอยู่หลังกล่องไก่ป๊อบ แบร์รี่หันหาทอม ทำปากแบบไม่มีเสียง
'ใส่ใจเก่ง'
ลูกร้านข้าวมันไก่ยักคิ้ว เลื่อนมันบดเข้าหาตัว "สรุปชวนนะ"
"เราต้องตายแน่ ๆ"
"เป็นเอามากดีจัง ชอบ ๆ" แบร์รี่หัวเราะ "นึกถึงตอนชวนพี่นายไปงานศาลเจ้าเลย"
"เอาปริญญาสาขาขิงไปเลย" ทอมทำหน้ายี้ "อวดได้ตลอด โยงเก่งมาก"
ลูกร้านอาหารตามสั่งตีหน้าอีกคนด้วยช้อน "ยุ่ง"
สงครามเคเอฟซีครั้งที่สองปะทุขึ้นอีกครั้ง แต่นั่นไม่ได้ทำให้คนที่นั่งกุมแก้มอยู่หลุดออกจากห้วงภวังค์รสฮาร์ทบีทในสมอง ฟินน์ทอดสายตาออกนอกกระจกร้าน นึกสงสัยว่าอีกคนทำอะไรอยู่ ก่อนจะวกกลับมาที่คำถามว่าทำไมตัวเองต้องอยากรู้ วนไปวนมาเป็นลูปบ้าบอที่ส่งผลโดยตรงต่อไก่ในจานให้มันเริ่มหายกรอบ
เด็กหนุ่มหายใจฮึดฮัด พยายามข่มอารมณ์เขินด้วยความหงุดหงิดปลอม ๆ
เป็นแค่ไก่หน้าด้านแท้ ๆ มีสิทธิ์อะไรมามีอิทธิพลกับสมองเขา!
TBC.
Talk : กราบรอบทิศ สาบานว่าไม่ได้ตั้งใจดองค่ะ แงๆๆๆๆ
You are reading the story above: TeenFic.Net